สารภาพกันตรงนี้เลยนะคะว่าเตยไม่เคยชอบวิ่งเลยเพราะรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ ไม่รู้จะวิ่งไปทำไม ถ้าให้เลือกระหว่างไปออกกำลังกายด้วยการยกเวทหนักๆ กับการวิ่ง เตยขอเลือกยกเวทดีกว่า เตยไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมคนถึงดูตื่นเต้นเวลาที่มีใครวิ่งมาราธอนหรือทำไมคนถึงมักจะตั้งเป้าหมายเป็นการวิ่งมาราธอน ทำไมถึงต้องซ้อมวิ่งกันเป็นชั่วโมงๆ เพื่อไปวิ่งให้ได้เหรียญในงานสักงานนึง แอบเก็บความสงสัยอยากรู้ไว้ คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องลองเองถึงจะเข้าใจ แต่ครั้งจะให้ตื่นเช้าตีสี่ตีห้าเดินทางไปวิ่งก็..รู้สึกไม่ใช่
จนได้เห็นว่าที่โรงเรียนเก่ามีการจัดงานวิ่งมินิมาราธอนขึ้นชื่องาน RC Run with Love 2019 จัดที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เชียงใหม่ ด้วยความอยากเจอเพื่อนที่เชียงใหม่ก็เลยตัดสินใจลงสมัครไป เหตุผลง่ายๆ แค่นั้นเลย ช่วงที่ลงสมัครเตยไม่ค่อยได้วิ่งเท่าไหร่ แล้วปกติก็วิ่งลู่และปั่นจักรยานในฟิตเนสเท่านั้นจะลงมินิมาราธอนก็ไม่น่าจะรอด แถมปกติวิ่งแค่ 3 กิโลเมตรด้วย ถึงช่วงนั้นบ้าปั่นจักรยานแต่ก็ปั่นแค่ชั่วโมงนึง แล้วการวิ่งกับปั่นจักรยานก็ไม่เหมือนกันด้วย ก็เลยลงวิ่งไปเบาๆ เป็นแบบ Fun Run 4 กิโลเมตรเท่านั้นเพราะเตยรู้ว่าวิ่งข้างนอกจะเหนื่อยกว่าวิ่งลู่อยู่แล้ว เป้าหมายในการวิ่งครั้งนี้คือทำอย่างไรก็ได้ให้วิ่งถึงเส้นชัย ฮ่าๆ
ก่อนไปหนึ่งอาทิตย์ก็มีการซ้อมนิดดดดหน่อย 4 ครั้งถ้วน ฮ่าๆ เป็นการวิ่งรอบในโซนใกล้ๆ คอนโด ซึ่งก็แอบกลัวเล็กน้อยเพราะในซอยมีรถเยอะและไม่มีทางเท้า แถมบางซอยมีหมาเฝ้าซอยอยู่ กลัวจะกลายเป็นการวิ่ง 4×100 เพื่อหนีหมาแทน การซ้อมก็ผ่านไปด้วยดีรู้ว่าวิ่งได้แน่นอน ที่น่าห่วงก็คือนอนพักผ่อนไม่ค่อยดีก็จะรู้สึกเหนื่อยๆ แล้วรู้เลยว่าวันที่ไปวิ่งจะมีไม่มีแรงแน่นอนเพราะนอนโรงแรมแปลกที่ก็จะยิ่งนอนไม่หลับ แต่ก็ไม่คิดอะไรมากเพราะเป้าหมายคือวิ่งให้ถึงเส้นชัยเท่านั้น
หนึ่งวันก่อนวิ่งก็ไปรับเสื้อและป้ายที่โรงเรียนแล้วก็พุ่งตรงไปที่โรงแรมเลย ตอนแรกกะว่าจะเดินเล่นแถวๆ นั้นแต่ว่านั่งเล่นเพลิน สุดท้ายไม่ได้ไปไหนกินข้าวที่โรงแรมแล้วนอน และก็เป็นไปตามคาดคือนอนไม่หลับจ้าาา กลัวไม่ตื่นก็เลยพะวงสุดท้ายได้หลับไปแค่สองสามชั่วโมง ตื่นมาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเพื่อนก็มารับพอดี
ไปถึงงานวิ่งก็งงๆ ง่วงๆ ตามหาเพื่อน ตามหาจุดที่ต้องไปยืนรอ แล้วก็เจอเพื่อนหลายคนเลย เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันตั้งแต่เรียนจบแล้ว คุณครูที่ไม่ได้เจอมานานมากและแอบจำชื่อคุณครูไม่ได้บางคน เขินเลย ฮ่าๆ แล้วก็รุ่นพี่ที่เคยแอบปลื้มด้วย พี่ๆ น่ารักเหมือนเดิม ฮ่าๆ
ถึงจุดปล่อยก็ถึงได้เข้าใจเรื่อง pacer สำหรับการวิ่งแบบมินิมาราธอนที่มีลูกโป่งผูก น่าร๊ากกกกก ถึงเวลาปล่อยตัวแบบมินิมาราธอนจะถูกปล่อยก่อนแล้วถึงจะเป็น Fun Run คนเยอะมากๆ ช่วงแรกๆ ก็เป็นการเดินไม่ให้โดนคนข้างหลังเหยียบเท้าและไม่เหยียบคนข้างหน้าซะมากกว่า มีเด็กๆ เยอะก็ต้องระวังมากขึ้น สักพักถึงค่อยได้เริ่มวิ่ง ก็วิ่งๆ เดินๆ ถ่ายรูปเซลฟี่ ยืนรอกันไปมาบ้าง ชิลมากๆ แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์วิ่งที่ดีนะ สนุก ได้อยู่กับเพื่อนๆ วิ่งเสร็จแล้วก็คิดว่าอยากลองวิ่งแบบมินิมาราธอน 10 กิโลเมตรบ้าง คิดว่าอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดน่าจะเป็นการนอนให้พอและตื่นให้ไหวมากกว่า
เอาจริงๆ ผ่านงานวิ่งมาเกือบครึ่งปีเพิ่งได้กลับมาวิ่ง ตอนนี้ย้ายมาบ้านใหม่แล้วก็เลยได้วิ่งรอบหมู่บ้านแบบที่รู้สึกปลอดภัยขึ้นกว่าเดิมมากๆ เพราะรถไม่เยอะ หมาก็ไม่เยอะ ส่วนใหญ่ใส่สายจูงด้วย พอรู้สึกปลอดภัยก็ออกมาวิ่งบ่อยขึ้น เอาจริงๆ ก็คือวิ่งผสมเดินมากกว่า ทำได้มาประมาณ 2-3 อาทิตย์แล้ว
เป้าหมายตอนนี้คือให้มีวินัย วิ่งให้บ่อยขึ้นอย่างน้อย 4 ครั้งต่ออาทิตย์แต่ละครั้งคือต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 40 นาที ใช้นาฬิกาคอยดูไม่ให้ heart rate สูงเกินไปเพราะถ้าเหนื่อยมากเกินไปก็มีโอกาสโดดการวิ่งครั้งต่อไปมากขึ้น ทำแบบนี้แล้วก็รู้สึกสนุกขึ้นมาเอง บางทีในหมู่บ้านก็มีคนออกมาวิ่งเตยก็แอบวิ่งตามเค้าดูเหมือนเค้าเป็น pacer ให้เรา
ตอนนี้วิ่งผสมเดินได้นานขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกเหนื่อยน้อยลงด้วย เริ่มรู้สึกเข้าใจคนที่วิ่งมาราธอนมากขึ้น เริ่มเข้าใจที่เค้าบอกกันว่าการวิ่งเป็นการแข่งกับตัวเองแล้วแหล่ะ ถ้ามีโอกาสคราวหน้าก็อยากจะลองลง 10 km ดู เป้าหมายเดิมคือไปให้ถึงเส้นชัยก็พอนะคะ