29 สิ่งที่ประทับใจในช่วงอายุ 29 ปี

เป็นเหมือนกับประเพณีที่ต้องทำทุกปีไปแล้ว สำหรับการรวบรวมสิ่งที่ประทับใจในวันเกิด เตยว่ามันเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่ดี ได้พักมองย้อนไปก่อนที่จะมองไปข้างหน้าแล้วค่อยมาอยู่กับปัจจุบัน

  1. ปีสุดท้ายแล้วที่จะนำหน้าด้วยเลขสอง มองย้อนกลับไปปีที่ผ่านๆ มาและได้เจอเพื่อนๆ เห็นความเปลี่ยนแปลงมากมายทำให้คิดอะไรได้หลายอย่าง
  2. ทำชุดคิทปักผ้ากับมะม่วง DIY เป็นโปรเจคที่ปลาบปลื้มและสนุกมากในปีนี้ แถมยังได้ทำงานกับน้องผึ้งที่ชอบอะไรคล้ายๆ กัน ได้เห็นวิธีการทำงานของน้องผึ้งด้วย ได้รู้สึกว่ามีเพื่อนที่เข้าใจกันด้วย
  1. ทริปเขาสามร้อยยอด เป็นทริปเดินเขาที่สนุกมากๆ เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เที่ยวแนวนี้ตั้งแต่เรียนจบมา แถมยังได้ออกกำลังกายเอวบางลงใน 3 วัน
  1. นอนเต้นท์เป็นครั้งแรกตั้งแต่เรียนจบ เป็นทริปแก่งกระจานแบบง่ายๆ เร็วๆ ไปพักแค่ 1 คืน ตอนแรกเราจะไปพักกันในอุทยานแต่คนเยอะและบังเอิญไปเจอบ้านพักที่เค้าเปิดพื้นที่ให้กางเต็นในสวนได้ เป็นประสบการณ์ที่ดีเพราะอากาศดี ไม่หนาว ไม่ร้อน แต่นอนหลับๆ ตื่นๆ บ่อยเพราะปวดหลัง ถุงนอนหนาไม่พอ แต่ก็ยังเป็นประสบการณ์ที่ดีนะ หักล้างความทรงจำแย่ๆ สมัยเรียนได้
  1. ค้นพบสไตล์การเพ้นท์รูปที่รู้สึกว่าเป็นตัวเองมากที่สุด ที่ผ่านมาวาดรูปมาจำนวนนึง มีคนชมบ้าง อาจารย์ให้ c- บ้าง แต่ไม่เคยรู้สึกเป็นตัวเองเลย รู้สึกว่าฝืนตัวเอง แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่รู้สึกว่านี่แหล่ะตัวเรา รู้สึกคล่อง ลื่นไหล สนุก ทำได้เรื่อยๆ
  2. เรียน Intuitive painting ในเว็บ Creativebug สอนโดย Flora Bowley คอร์สนี้แหล่ะที่ทำให้สไตล์การวาดรูปเตยชัดขึ้นมากเลย ถึงจะยังมีอะไรต้องปรับและฝึกหัดอีกมากแต่รู้สึกว่ามาถูกทางแล้ว
  3. จดบันทึกความสุขทุกวันครบ 1 ปีแล้ว! ปีนี้ไม่ได้ทำต่อแต่ว่ายังมีเขียนไดอารี่และ journal ต่อไป กิจกรรมนี้สร้างความมั่นใจให้เตยมากเลยว่าเตยก็ทำอะไรติดกันทุกวันได้นะ
  1. เรียน Live with Intention กับ Jess Lively อย่างที่เคยปีที่แล้วว่าเตยเน้นทำความเข้าใจตัวเองและความรู้สึกของตัวเองเป็นหลัก ปีนี้เตยตัดสินใจลงเรียนคอร์สออนไลน์ตัวนี้ ราคาแอบสะเทือนเล็กน้อย แต่เตยรู้สึกดีกับผลที่ได้รับนะคะ คอร์สนี้พูดถึงเรื่องการใช้ชีวิตอย่างรู้ตัว สอนให้ตั้งเป้าหมายว่าเราอยากจะ “เป็น” คนแบบไหนมากกว่าที่จะตั้งว่าเราต้องการ “ทำ” อะไรหรือ “มี” อะไร และสอนให้แยกแยะ ego และ intuition ซึ่งเตยว่าเป็นส่วนสำคัญมากเลยและยากมากด้วย
  2. เรียนรู้การแยกแยะ intuition และ ego ต่อจากข้อเมื่อกี้ เตยยังแยกไม่ออก 100% แต่ว่าก็แยกแยะได้มากกว่าเดิมมากเลย Jess แนะนำให้ทำสมาธิเยอะๆ และเขียนออกมาเยอะๆ
  3. วาดรูปต่อเนื่องได้ครบ 1 เดือน!
  1. รู้สึกว่าใช้ภาษาอังกฤษได้เก่งมากขึ้น
  2. ได้ไปเกาะช้าง 2 รอบ และได้ดำน้ำ snorkeling ด้วย ทะเลไม่สวยอย่างที่คิดแต่ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการหัดว่ายน้ำ
  3. หัดว่ายน้ำ โดยหัดจากเวลาไปเที่ยวก็ให้เพื่อนช่วยสอนให้ ตอนนี้สามารถว่ายสระที่ไม่ใหญ่มากไปจนถึงขอบสระได้แล้ว แต่ท่าประหลาดมากๆ 555 แล้วก็ยังกะจังหวะหายใจไม่ถูก
  4. ไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้เพื่อน ทำให้ได้เจอเพื่อนสมัยประถมเยอะมาก รู้สึกสนุกและสบายใจมากเลย เพื่อนสมัยประถมคือที่สุดแล้ว จำวันเกิดเพื่อนในกลุ่มได้แทบทุกคน จำชื่อ นามสกุลเพื่อนได้ถึงแม้ไม่ได้เจอกันมาหลายปี
  5. ปาร์ตี้บ่อยมาก 555 สมัยเรียนไปเที่ยวผับปีละครั้งอย่างมากสุด พอเรียนจบก็ไม่ได้ไปอีกเลยจนมาอายุ 29 ปีไปเที่ยวผับแทบทุกเดือนจ้า ได้เรียนรู้ว่าคบเพื่อนแบบไหนเราก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
  6. นอกจากเที่ยวผับแล้วเราก็ไปเที่ยวต่างจังหวัดหลายรอบด้วยเหมือนกัน มีเขาสามร้อยยอด, แก่งกระจาน, ล่องแก่งที่ปราจีนบุรี, ขอนแก่น, เชียงใหม่, เกาะช้าง 2 รอบ, ภูเก็ต และไปฮ่องกง นับดูแล้วเฉลี่ยไปปีละ 9 ครั้งแทบทุกปีเลย
  7. กลับมาออกกำลังกายเป็นประจำอีกครั้ง เริ่มจากป่วยอีกแล้ว แต่น้ำหนักนี่ขึ้นทะลุกลับไปเหมือนตอนสมับมัธยมปลายเลย ถึงแม้ว่าตอนนี้จะออกกำลังกายน้อยลงมาเป็นอาทิตย์ละครั้งแต่ก็รู้สึกว่าทัศนคติและมุมมองเกี่ยวกับการออกกำลังกายของเราเปลี่ยนไปมากในทางที่ดี
  8. น้ำมะม่วงที่ฮ่องกงอร่อยมากกกกกกกกก กินทุกวันเลย
  9. ไปคาเฟ่แมวที่เชียงใหม่ สั่งไก่ต้มมา แมวรุมเลยจ้าาา แฮปปี้มาก ปกติโดนแมวเมินมาตลอด
  10. ได้รับคำชมจากลูกค้า Catisfy บอกว่า “You are wonderful shop owner and person” ปลื้มเลย
  11. กินกุ้งแม่น้ำที่อยุธยา กุ้งตัวใหญ่ดี พูดแล้วก็อยากจะไปกินอีก
  12. มีคน comment ใน IG บอกว่า “I feel uplifted just looking at your post. Thank you for sharing your authentic self with this community.” โห รู้สึกปลื้มมากค่ะ มีกำลังใจขึ้นมาเลย
  13. ทำผ้าพันคอจากภาพสีน้ำที่เพ้นท์เอง ทดลองทำไปสองลาย
  1. ซื้อตู้หนังสือมาใหม่ เอาไว้ในหนังสือ, สมุดที่ขายใน Catisfy, ผ้า, อุปกรณ์งานศิลปะ ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะเลย จะหยิบอะไรก็หาได้ง่าย แล้วก็ต้องบังคับตัวเองเอาของไปทิ้งเยอะมากเพราะว่าไม่มีที่เก็บทำให้เก็บอะไรที่ไม่จำเป็นน้อยลง
  2. วาดรูปใน Sketchbook จนครบเล่ม
  3. รู้สึกว่าปีนี้มีวันที่อากาศดีๆ ในกรุงเทพเยอะกว่าปีก่อน อากาศอาจจะไม่ได้เย็นมาก แต่ว่าเดินทางไปทำงานตอนเช้าก็รู้สึกได้ว่าเย็นกว่าปกติ อาจคิดไปเองแต่ก็เป็นความคิดบวกๆ เนอะ 555
  4. ได้ล่องแก่งเป็นครั้งแรกในชีวิต ก่อนหน้านี้ไม่เคยทำเพราะว่ายน้ำไม่เป็นก็เลยกลัวแล้วก็ไม่มีเพื่อนไปด้วย
  5. ได้รู้จักคำว่า Residency artist programs ตอนแรกเตยอยากไปเรียนต่อด้าน Fine art หรือ Art therapy ที่ต่างประเทศ แต่ก็มีความลังเลในหลายๆ ด้าน พอได้ฟังว่ามีโปรแกรมแบบที่ให้ศิลปินเข้าไปทำงานในพื้นที่ที่เขาจัดไว้ให้ได้ ข้อดีคือได้ focus กับงานของตัวเอง ได้รู้จักกับศิลปินคนอื่นๆ และเป็นการเปิดโลกให้เตยไปค้นหาโครงการอื่นๆ อย่างพวก retreat ที่ศิลปินบางคนเข้าจัดให้คนเข้าไปทำ workshop กับเค้ากี่วันก็ว่าไป ทำให้รู้สึกว่ามันมีเส้นทางอะไรให้เราอีกเยอะเลยเนอะ
  6. ปีนี้ได้เรียนรู้ว่า ความรู้สึกของเราเป็นความรับผิดชอบของเรา ความรู้สึกของคนอื่นก็เป็นความรับผิดชอบของคนอื่น การที่เราเสียใจหรือดีใจจากการกระทำของคนอื่นนั้นเป็นแค่กระจกสะท้อนถึงมุมมองที่เรามองตัวเราเองเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับคนอื่นเลย เคยได้ยินคนพูดแนวนี้มาเยอะแล้ว แต่เป็นครั้งแรกที่เข้าใจ ฟังแล้ว อ๋ออออ มันเป็นแบบนี้นี่เอง พอทำตามจริงก็ยากหน่อย เตยเริ่มจับหลักได้ว่า ต้องรักษาอารมณ์ของเราให้มีความสุขสม่ำเสมอ เวลามีเรื่องอะไรมากระทบหรือเริ่มคิดมากให้บอกกับตัวเองว่า โอเค รู้แล้วนะ ขอบคุณมาก แล้วปล่อยความคิดนั้นไปเพราะถ้าเราไปย้ำคิดย้ำทำและจับความคิดนั้นมาขยายดู ความคิดนั้นมันก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เราจะคิดถึงเรื่องนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องอาศัยสติมากๆ แต่ถ้าทำได้จะรู้สึกสงบมาก เตยเองก็ยังเริ่มฝึกเหมือนกันค่ะ
Updated April 15, 2017