28 สิ่งที่ประทับใจในช่วงอายุ 28 ปี

พิธีกรรมในช่วงวันเกิดที่ทำมาเป็นปีที่สอง(หรือสามไม่รู้) นั่นคือการรวบรวมสิ่งที่ประทับใจในปีที่ผ่านมาตามจำนวนอายุ เป็นการทบทวนตัวเองและชื่นชมตัวเองไปพร้อมๆ กัน

  1. ไปเที่ยวโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ชอบมากๆ ได้ไปเที่ยวที่ๆ ถ้าไปกับเพื่อนกลุ่มอื่นๆ คงไม่ได้มีโอกาสแบบนี้อย่างผับ, Glibhi Studio, พิพิธภัณฑ์โดราเอมอน และได้ทำ Mission สำเร็จสองข้อนั่นคือ เล่นกับแมวญี่ปุ่นในสวนสาธารณะและถ่ายรูปกับกันดั้ม!
  1. ได้เจอคนใหม่ๆ เยอะเลย ทั้งน้องๆ ที่เรียนอยู่ในสาขาที่แตกต่างออกไปที่ไม่ใช่สาย IT รู้สึกดีที่ได้ฟังประสบการณ์จากคนที่หลากหลาย และยังได้เจอพี่ๆ ที่เก่งๆ ด้วย
  2. ครอบครัวสมุดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปีนี้ได้ลองใช้สมุดหลายแบบมากเลย และยังได้สมุดเป็นของขวัญจากโดมและจากเพื่อนด้วย
  3. ได้รู้จักการจัดบ้านแบบ Konmari ที่ทำให้เปลี่ยนวิธีคิดบางอย่างไป ปกติเป็นคนชอบเก็บทุกอย่างไว้ แต่ Konmari ทำให้เตยรู้จักเลือกเก็บแต่สิ่งที่เตยชอบมากๆ เท่านั้น ผลจากการจัดบ้านวิธีนี้ทำให้อมยิ้มเล็กๆ เวลาเดินผ่านชั้นวางหนังสือและตู้เสื้อผ้า
  1. Catisfy มีลูกค้าสั่งซื้อของซ้ำถึง 4 ครั้งใน 4 เดือน ปลื้มมากกกกกก เขาบอกว่าเขาชอบที่เราทำ Made to order ได้ตรงตามใจเขา เข้าใจเขา
  2. Catisy มีลูกค้าจากหลากหลายประเทศมากขึ้น ช่วงแรกๆ มีแต่ลูกค้าจากสหรัฐอเมริกา แต่ตอนนี้มีคนไทยด้วยกัน, มาเลเซีย, ออสเตรเลีย และยุโรป สนุกดีเหมือนส่งจดหมายให้เพื่อนทั่วโลก
  3. ได้ของขวัญจากลูกค้า เพราะลูกค้ารู้สึกขอบคุณที่เตยช่วยเหลือและติดตามสินค้าที่(คิดว่าหาย)ให้และยังรีบแก้ปัญหาสินค้าที่หายไปด้วย ตอนแรกคิดว่าจะเป็นแค่การ์ดเล็กๆ แต่ลูกค้าส่งมาให้หลายอย่างมาก ทั้งสมุด Leuchtturm, โปสการ์ด, กระเป๋าพลาสติกใส่ของ และขนม
  1. น้องผึ้งสอนทำ Shibori ได้คุยกับน้องผึ้งมากขึ้นทำให้รู้สึกได้ว่าเรามีเพื่อนที่มีความฝันคล้ายๆ กัน มีกำลังใจในการทำอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้น
  2. ลองเล่นธนูที่เขาใหญ่ครั้งแรก สนุกมากกก ได้แผลมาด้วยเพราะว่ายิงไม่ถูกท่า
  1. ป่วยบ่อยแต่ทำประกันสุขภาพไว้เรียบร้อย พอป่วยก็ไปหาหมอได้แบบไม่ต้องคิดมากทำให้หมดเรื่องเครียดไปหนึ่งเรื่อง นี่สินะที่เรียกว่า “อิสระ”
  2. ป่วยเป็น IBS และกระเพาะอักเสบทำให้จำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการกินและการใช้ชีวิตของตัวเอง เมื่อก่อนอยากกินอะไรก็กิน อยากกินตอนไหนก็ค่อยกิน ไปซื้อของก็ดูแค่ว่าแคลลอรี่เยอะเกินไปไหม พอป่วยแล้วต้องงดอาหารหลายอย่างที่เราชอบกินทั้งนั้นเช่น อาหารที่มีส่วนผสมของนม ไอศครีม พิซซ่า กินไม่ได้เลย กลายเป็นต้องดูมากขึ้น เริ่มทำความเข้าใจอาหารมากขึ้น ค้นพบอาหารหลายอย่างที่คิดไว้ว่าไม่อร่อยชัวร์ แค่พอได้กินแล้วมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
  3. ลองเย็บอะไรเยอะมาก ทั้งกระเป๋า ปกสมุด ผ้าห่ม ที่ใส่บัตร ลองผิดลองถูกเอง (เรียกสั้นๆ ว่า “มั่ว”) จริงๆ งานผ้านี่สนุกนะถ้าทำเป็น…
  4. รู้จักคนที่ชอบอะไรคล้ายๆ กันมากขึ้น เหมือนที่เคยอ่านในกฎของแรงดึงดูดเลย
  5. มีสมุดน่ารักๆ แบบที่คนมาเจอก็ชอบ จากที่เคยฝันว่า ฉันจะมีสมุดดีๆ ข้างในเต็มไปด้วยข้อมูลและรูปดีๆ วันนี้ความฝันนั้นเป็นจริงแล้ว มีน้องคนนึงเรียกสมุดของเตยว่า “สมุดมหัศจรรย์” เพราะจดทุกอย่างจริงๆ
  6. ได้ไปเที่ยวสุราษฎร์ธานี เที่ยวกับเพื่อนๆ YWC สนุกดี ได้กินหอยนางรมไปเยอะมากกกก ฟินสุดก็ตรงนี้แหล่ะ ไปกินมาสองรอบเลยด้วย
  7. กลับมาอ่านนิยายหลังจากที่ไม่ได้อ่านมาตั้งแต่สมัยม. ปลายแล้วเพราะรู้สึกว่าการอ่านแนวนี้ทำให้เราเสียเวลา อ่านสิ่งที่เป็นข้อมูลดีกว่า แต่บางครั้งเราก็แค่อยากพักผ่อนแบบที่พักจริงๆ บ้างเหมือนกัน
  8. เขียน Morning pages มาได้ปีกว่าแล้ว สารภาพว่ามีบางวันที่ไม่ได้เขียน แต่รวมๆ แล้วเขียนติดต่อกันมาได้เรื่อยๆ เป็นประจำ เพราะรู้ว่าช่วงไหนไม่ได้เขียนจะหงุดหงิดง่ายขึ้น
  1. มีคนติดต่อมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากที่เขียนในบลอค หรือส่งอีเมลมาขอบคุณ ทำให้รู้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้นมีความหมาย
  2. กล้าตอบโต้และ report สิ่งที่เราไม่ชอบและไม่เห็นด้วย
  3. ส่งโปสการ์ดและจดหมายให้กับคนที่ไม่รู้จักด้วย Post crossing และกิจกรรมที่คล้ายๆ Pen pal แต่เน้นให้เขียนเป็นจดหมายจริงๆ เพราะมันได้อารมณ์มากกว่าการส่งอีเมล
  4. โดมซื้อสมุด Kikki-k ให้ ปลาบปลื้ม ชอบยี่ห้อนี้มานานแล้ว

  1. ค้นพบวิธีการตัดผ้าด้วยคัตเตอร์ที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น 50% และซื้อกรรไกรใหม่ที่ดีกว่าเดิมมากกกกทำให้ชีวิตดีขึ้นมากกกกกก
  2. ไปเที่ยวสิงคโปร์ ไป Universal Studio ดูไฟและฟังเพลงที่ Gardens by the Bay เห็นความเจริญด้านการคมนาคมแล้วอิจฉาอย่างแรง ได้เจอร้านเครื่องเขียนใหญ่ๆ ที่มีของครบถ้วนมาก เห็นแล้วมีแรงบันดาลใจอยากเปิดร้านแบบนี้ในไทยบ้าง
  3. ได้ลองทำงานแปลจากพี่คนนึงที่หยิบยื่นโอกาสให้ สนุกดีนะ แต่ก็ทำให้รู้ว่าถ้าเราไม่ได้ชอบเนื้อหาที่แปลเราก็คงไม่สนุกขนาดนี้
  4. ได้ลองทำงานตำแหน่ง Product Manager ยิ่งได้เห็นกระบวนการของทั้งบริษัทก็รู้ว่าเตยชอบงานด้านพัฒนาสินค้านะ ยิ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ชีวิตคนอื่นดีขึ้นก็ยิ่งชอบเหมือนได้ช่วยโลกทางอ้อม
  5. เวลาแก้ปัญหาหนักๆ ได้ รู้สึกฟินมากๆ ปีที่ผ่านมาได้เจอคนหลายแบบ ทำงานกับคนหลายสไตล์ เจอปัญหาก็มาก ต้องใช้กำลังภายในมากมายให้ผ่านจุดนั้นมาให้ได้เรียกว่าเครียดจนป่วย พอทำสำเร็จก็สบายใจ ภูมิใจ มีความสุขแล้ว
  6. ต่อจากข้อที่แล้ว ปีนี้เรียนรู้อย่างนึงว่า เตยอยากเป็นคนเก่งและคนฉลาด งานมีปัญหาก็อยากจะแก้ให้ได้ เรียกว่าเป็นคนชอบเอาชนะด้วย แต่ว่าปีนี้ได้นั่งคิดดีๆ ว่าสิ่งที่เราอยากเอาชนะนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องการ..จริงหรอ? และรู้ทันทีว่าไม่ใช่ เราไม่ได้ต้องการสิ่งเหล่านี้ มันเลยไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำมันต่อ เมื่อก่อนรู้ว่าคนเราควรต้องเน้นที่จุดแข็ง แต่ไม่เคยเข้าใจความหมายจริงๆ พอเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็รู้ตัวว่า..นี่เรากำลังทำจุดอ่อนของเราให้ดีขึ้นจนตอนนี้เราไม่มีจุดแข็งที่ชัดเจนเท่าเมื่อก่อนไปแล้ว
  7. ถ้าอ่านมาครบทุกข้อจะสังเกตได้อย่างนึงว่าปีนี้เตยเน้นเรื่องให้ความสำคัญกับความรู้สึกของตัวเองเป็นหลัก จากที่อ่านหนังสือมาหลายเล่ม เรียนมาหลายคอร์สทำให้รู้ว่าสิ่งที่เตยขาดไปก็คือการรู้จักตัวเองนี่แหล่ะ บางครั้งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรอยู่ ปีนี้เตยสนใจเรื่อง Intentional living การรู้และเข้าใจตัวเองจึงสำคัญมาก บางที Ego มันบังตาเราไปเยอะจริงๆ ยิ่งเตยเป็นคนรับรู้ความรู้สึกของคนอื่นได้ไว (โดยเฉพาะคนใกล้ตัว) ความรู้สึกของคนอื่นเลยใหญ่กว่าของตัวเอง เหมือนเป็นคนที่ไม่รู้จักดูแลจิตใจตัวเอง ปีที่ผ่านมาเตยภูมิใจกับตัวเองนะที่เลือกไม่ทำบางอย่างถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะ”เคย”เป็นความฝันของเรา มันเหมือนเรายอมรับตัวเองมากขึ้น รักตัวเองมากขึ้น ทำให้ช่วงนี้เตยแอบชอบข้อความข้างล่างนี้เป็นพิเศษ

“Respect yourself enough to walk away from anything that no longer serves you, grows you, or makes you happy.”

Robert Tew

Updated April 15, 2016