การจดโน้ตแบบอนาคต คือ การจดข้อมูลที่อ่านแล้วเข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องพึ่งความทรงจำและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริงในอนาคต แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- การจดโน้ตสำหรับสรุปข้อมูล
- การจดโน้ตสำหรับคิดไอเดีย
- การจดโน้ตสำหรับถ่ายทอดความคิด
การจดโน้ตสำหรับสรุปข้อมูล
การจดโน้ตสำหรับสรุปข้อมูลทำให้เรียบเรียงข้อมูลจำนวนมากและซับซ้อนให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
เทคนิคในการสรุปข้อมูล
คือการใส่สัญลักษณ์เข้าไปให้อ่านง่าย มองเห็นได้ชัดเจน และแผนภาพยังช่วยกระตุ้นสมองซีกขวาให้ผลิตไอเดียใหม่
- ใส่ ⭕️ (วงกลม) 3 อัน
- ใส่ตรงข้อมูลที่ถูกต้องและสำคัญ
- ใส่ตรงสิ่งที่น่าจะลืม
- ใส่ตรงข้อสงสัยเพื่อให้คิดวิเคราะห์วิธีแก้ปัญหาได้แม่นยำ
- ใส่ ➡️ (ลูกศร)
- สร้างความเป็นระเบียบ ทำให้เข้าใจข้อมูลได้ง่ายขึ้น
- ช่วยเชื่อมโยงข้อมูลให้เห็นความสัมพันธ์ของข้อมูลได้ชัดเจน ทำให้คิดได้อย่างเป็นระบบ
- แสดง “ทิศทางของไอเดีย” หรือ “ลำดับการคิด” เมื่อต้องกลับมาคิดไอเดียในอนาคต
- ช่วยให้เกิดข้อสงสัยเมื่อข้อมูลที่แตกต่างหรือไม่สอดคล้องกัน ทำให้ค้นพบ “ประเด็นปัญหาใหม่”
- ใส่สัญลักษณ์อื่นๆ
- 🆚 = คู่แข่ง, ปัญหา
- ❓ = คำถาม, ข้อสงสัย
- ⭕️ ❌ = แนวทางที่ถูกและผิด
- ใส่ ❌ ไว้แนวทางที่ผิด, สิ่งที่เข้าใจผิด
- ใส่ ⭕️ หน้าสิ่งที่ค้นพบ
- ⭐️ = สำคัญเป็นพิเศษมากกว่า ⭕️
- ↔️ = เปรียบเทียบสองสิ่งที่ตรงข้ามกัน
- ใส่บอลลูนข้อความ เขียนคำแนะนำและสิ่งที่ควรทำให้กับตัวเองในอนาคต
- คิดจากเรื่องนี้ = ประเด็นเริ่มต้น
- ไขข้อข้องใจ = ประเด็นที่ต้องตรวจสอบ
- คิดต่อยอดจากเรื่องนี้ = ประเด็นสำคัญ
- ใช้สมุดโน้ตดิจิตอล ทำให้ค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและสามารถหยิบมาใช้ได้ตลอดเวลา
- ติดแท็กด้วยคำที่เข้าใจง่าย, คำที่ใช้บ่อย, คำที่บ่งบอกประเภทของข้อมูล หรือใช้คำหลายๆ คำ
- ใส่ ⭐️ หน้าคำที่สำคัญ
👉 การจดโน้ตสำหรับคิดไอเดีย
- จดโน้ตคำถาม
- สร้างเป้าหมายในการคิดทำให้กระตุ้นให้เราคิดแก้ปัญหา
- เป็นการกำหนดขอบเขตช่วยสร้างกรอบความคิดให้รู้ว่าต้องเริ่มคิดจากตรงไหน
- ตั้งชื่อหนังสือก่อนแล้วจะคิดเรื่องที่อยากเขียนได้ง่ายขึ้น
- จดโน้ตการ์ตูน
- รูปภาพและคำพูดทำให้สมองจดจำได้ง่าย
- ทำให้เกิดจินตนาการเรื่องราว เข้าใจภาพและความรู้สึกของตัวการ์ตูน
- จดโน้ตด้วยแผนภาพสามเหลี่ยมสีดำสองอัน หาเหตุผลของความไม่พอใจเบื้องหลัง
- เป็นภาพสามเหลี่ยมสองอันทับซ้อนกันบางส่วน ฝั่งซ้ายเป็นข้อมูลสินค้า ฝั่งขวาเป็นความไม่พอใจของลูกค้า ส่วนทับซ้อนคือคุณค่าที่แท้จริงที่ลูกค้าต้องการ
- จดโน้ตด้วยแผนภาพสามเหลี่ยมสีขาวสองอัน หาเหตุผลของความชอบ
- เป็นการจับคู่ของสองสิ่งเข้าด้วยกันพร้อมตั้งโจทย์จนเกิดเป็นไอเดียที่แปลกใหม่แต่ไม่ออกนอกกรอบมากจนเกินไป
- จดโน้ตเชื่อมโยง ช่วยเรียบเรียงและสร้างผลงานได้ดี
- เป็นการคิดทีละขั้นแล้วมาผูกกันเป็นเรื่อง เช่น ทำไมถึงมีปัญหานี้ → แก้ด้วยวิธีนี้ดีไหม → แต่วิธีนี้มีปัญหานี้ → งั้นทำแบบนี้เพิ่มไหม
- มักมีลักษณะเป็นคู่ของประเด็นและปัญหา, สาเหตุกับผลลัพท์, ความต้องการกับไอเดีย
- มีประโยชน์ตอนช่วยในการทำพรีเซนต์เทชั่นของงานได้ด้วย
- จดโน้ตด้วยความคิดตรงกันข้าม
- เป็นการคิดไอเดียแบบคิดย้อน เช่นจากสาเหตุ → ผลลัพท์ เปลี่ยนเป็น ผลลัพท์ → สาเหตุ
👉 การจดโน้ตสำหรับถ่ายทอดความคิด
เป็นการจดโน้ตเพื่อคนอื่นๆ โดยนำข้อมูลจากการจดโน้ตสำหรับสรุปข้อมูลและการจดโน้ตสำหรับคิดไอเดียมาถ่ายทอดให้คนอื่นเข้าใจได้ง่ายและสามารถนำไปใช้ต่อได้
เทคนิคการถ่ายทอดความคิด
- จดโน้ตใส่หัวเรื่องพร้อมวันเดือนปี หรืออาจใส่ประเด็นสำคัญไปด้วยก็ได้ โดยอาจทำให้เหมือนเป็นหัวข้อข่าวที่อ่านแล้วเข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น และทำให้เกิดความน่าสนใจด้วย
- จดโน้ตแผนภูมิ ซึ่งเป็นการจัดระเบียบข้อมูลและแปลงให้เป็นรูปภาพ
- แผนภูมิระดับความสำคัญ ทำให้เห็นสัดส่วนข้อมูลและรู้ว่าสิ่งไหนสำคัญกว่า เช่นแผนภูมิวงกลม (pie chart)
- แผนภูมิบ้าน ทำให้เห็นโครงสร้างของข้อมูลและมองเห็นความเกี่ยวข้องของข้อมูล
- แผนภูมิความสัมพันธ์ ลักษณะคล้าย mindmap โดยเน้นเส้นหนาที่ความสัมพันธ์ที่สำคัญ เหมาะกับเวลาต้องการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์หรือการส่งเสริมการขาย เพราะทำให้รู้จุดแข็งและจุดอ่อน
- จดโน้ตนำเสนอ
- เริ่มด้วย “ทำไม…ถึง…” เพราะคนจะสนใจเมื่อเกิดข้อสงสัย
- ใช้ตัวเลขมาช่วยกระตุ้นความน่าสนใจ
- หลักการสำคัญ 3 ข้อ
- จดโน้ตแบบเดียวกับชื่อหนังสือ คือดึงดูดความสนใจผู้ฟัง
- จดประเด็นพูดเป็นข้อ ข้อละ 1 บรรทัด
- ตั้งข้อสงสัยให้ผู้ฟังเกิดความสนใจ แล้วจึงไขข้อสงสัยนั้น
👉 การจดโน้ตแบบเซียน
วิธีการเลือกสมุดโน้ต
- เลือกสมุดโน้ตแบบที่ตัวเองชอบเพียงแค่แบบเดิมอย่างต่อเนื่องช่วยให้คุ้นชินกับรูปแบบของสมุดและติดนิสัยการจดได้ง่าย
- เลือกสมุดที่พกพาง่าย
- เลือกซื้อสมุดที่หาซื้อได้ง่าย
- สมุดที่ใช้แล้วรู้สึกดี